เศรษฐกิจพอเพียงท้องถิ่น (ด้านการเกษตรและแหล่งน้ำ)
เศรษฐกิจพอเพียงท้องถิ่น (ด้านการเกษตรและแหล่งน้ำ)
7.1 ข้อมูลพื้นฐานของหมู่บ้านหรือชุมชน
“เทศบาลตำบลร่วมจิต” เป็นตำบลใหม่ตั้งอยู่ในตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เดิมอำเภอท่าปลา ชื่อเดิมเรียกว่า “ทับป่า” ขึ้นอยู่กับจังหวัดน่าน ตามตำนานเคยมีสถานที่ริมแม่น้ำน่าน มีหินใสสีขาวเหมือนตาปลาอยู่ในน้ำลึก เชื่อว่าหินนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ในวันสงกรานต์จะทำพิธีบวงสรวงแล้วจึงนำหินไปสกัดและเรียกบริเวณนี้ว่า “บ่อแก้วตาปลา” ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น “แก้วท่าปลา” และหมู่บ้านนี้เรียกต่อมาว่า “บ้านท่าปลา” ซึ่งเป็นภาษาคำเมือง หมายถึง รอปลาขึ้นและจับปลานั่นเอง ในสมัยที่เจ้าเมืองน่านยังมีเจ้าเมืองเป็นผู้ครอบครองนครน่าน เมื่อประมาณร้อยปีเศษ โดยรวมแขวงศีรษะเกษกับแขวงท่าปลาเข้าด้วยกันเป็นเขตน่าน แต่เนื่องจากการติดต่อประสานระหว่างจังหวัดน่านกับอำเภอท่าปลาไม่สะดวก เพราะระยะทางไกลมาก
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2465 จึงแยกมาขึ้นกับจังหวัดอุตรดิตถ์ และเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2512 ได้ย้ายมาที่ว่าการอำเภอท่าปลา มาตั้งอยู่ในชุมชนอำเภอท่าปลาในปัจจุบันนี้ เนื่องจากที่ว่าการอำเภอเดิม และเมื่อปีพุทธศักราช 2513 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทาน ได้เปิดโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่านและก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ พื้นที่อำเภอบางส่วนกลายเป็นอ่างเก็บน้ำ ราษฎรก็ยินยอมและอพยพจากที่อยู่เดิมมายังที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน กรมประชาสงเคราะห์จัดสรรให้ ชาวอำเภอท่าปลาต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านที่อยู่เคยอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ต้องหอบลูกจูงหลานเหมือนกับบ้านแตกสาแหรกขาด ราวกับผู้ประสบภัยสงครามเกิดการผลัดพราก พ่อแม่อยู่ทางลูกอยู่ทาง จากเดิมที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้และสัตว์ป่า สัตว์น้ำ ผู้คนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ปัจจุบันดินแดนที่เป็นที่ตั้งของประชาชนในอำเภอท่าปลา ผืนดินส่วนใหญ่เป็นดินลูกรังมีความแห้งแล้ง ทำการเกษตรไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ชาวท่าปลาประสบกับความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส เพื่อให้คนอีกหลายแสนหลายล้านคนได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มีน้ำมีกระแสไฟฟ้าใช้ แต่ตนเองต้องลำบากตรากตรำทุกขเวทนากว่า 30 ปีแล้ว
ต่อมาชุมชนตำบลร่วมจิตบางส่วนมีความเจริญจึงได้ยกฐานะเป็น “สุขาภิบาลร่วมจิต” เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2526 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 100 ตอนที่ 197 ลงวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2526 และต่อมาได้มีพระราชบัญญัติ การเปลี่ยนแปลงฐานะจากสภาตำบล เป็น สุขาภิบาล และเป็นเทศบาลตำบล พ.ศ. 2542 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนที่ 9 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 เป็นผลให้สุขาภิบาลร่วมจิตได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็น “เทศบาลตำบลร่วมจิต” เมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา โดยกำหนดใช้ชื่อ และแนวเขตพื้นที่เดิมของสุขาภิบาลร่วมจิต
ปัจจุบันอำเภอท่าปลา เป็นอำเภอที่มีพื้นที่มากที่สุดของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ห่างจากจังหวัดอุตรดิตถ์ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นแหล่งอารยธรรมและอดีตดินแดนล้านนาตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบที่อยู่ระหว่างเนินเขาและภูเขา มีอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์อยู่ตอนกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภออยู่ในการดูแลของนิคมสร้างคนเองลำน้ำน่าน เขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า และเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชนน้อยมาก ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเล็กๆน้อยๆตามฤดูกาล และรับจ้างทั่วไปจึงมีรายได้ที่ไม่แน่นอนในการดำรงชีพ ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างฝืดเคืองและมีความลำบากอยู่มาก
เทศบาลตำบลร่วมจิต อยู่ห่างจากตัวจังหวัดเป็นระยะทาง 29 กิโลเมตร มีพื้นที่รวมทั้งหมด 9.22 ตารางกิโลเมตร ตำบลร่วมจิตมีอาณาเขตติดต่อดังนี้
ด้านเหนือ ตั้งแต่หลักเขตที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 20 ทางทิศตะวันตก ระยะ 100 เมตร และห่างจากศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 30 ทางทิศเหนือระยะ 500 เมตร เป็นเส้นขนานระยะ 500 เมตร กับศูนย์กลางทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1163 แยกทางหลวงจังหวัด หมายเลข 1045 ทางทิศตะวันออก ระยะ 1,000 เมตร (ติดต่อเขต อบต. ร่วมจิต อำเภอท่าปลา)
ด้านตะวันออก จากหลักเขตที่ 2 เป็นเส้นตรงไปทางทิศใต้ ถึงหลักเขตที่ 3 ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1045 อุตรดิตถ์ - เขื่อนสิริกิติ์ ฟากใต้ ตรงหลัก กม. 30.300 (ติดต่อตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา)
ด้านใต้ จากหลักเขตที่ 3 เลียบเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ กับอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ไปทางทิศตะวันตก ถึงหลักเขตที่ 4 ซึ่งตั้งอยู่ตรงเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ กับอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ และห่างจากศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 20 ทางทิศตะวันตก ระยะ 100 เมตร (ติดต่อตำบลหาดงิ้ว อำเภอเมือง)
ด้านตะวันตก จากหลักเขตที่ 4 เป็นเส้นขนาน ระยะ 100 เมตร กับศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 20 ไปทางทิศเหนือ ไปบรรจบกับหลักเขตที่ 1 (ติดต่อตำบลหาดงิ้ว อำเภอเมือง)
7.2 ข้อมูลด้านการเกษตร
อาชีพของชาวตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลาส่วนใหญ่ คือ การทำไร่ทำนา ทำสวนมะม่วงหิมพานต์ และปลูกพืชตามฤดูกาล เช่น ข้าวโพด ถั่ว เป็นต้น
7.3 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำทางการเกษตร
การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรตำบลร่วมจิต มีการก่อสร้างกันทั่วไปมีหลายประเภท ได้แก่ สร้างสระเก็บน้ำงานขุดลอกหนองและบึง และงานสูบน้ำสำหรับทำการเกษตร โดยมีรายละเอียดงานแต่ละประเภท ดังนี้
สร้างสระเก็บน้ำคือ แหล่งเก็บขังน้ำฝน น้ำท่า หรือน้ำที่ไหลออกมาจากดินด้วยการขุดดินให้เป็นสระสำหรับเก็บขังน้ำ โดยมีขนาดความยาว ความกว้าง และความลึกของสระ ตามจำนวนน้ำที่ต้องการจะเก็บไว้ใช้งาน
ขุดลอกหนองและบึงเป็นงานขุดลอกดินในหนองและบึงธรรมชาติที่ตื้นเขิน ให้มีความลึกจนสามารถเก็บน้ำได้เพิ่มมากขึ้น
สูบน้ำสามารถส่งน้ำต่อไปตามคลองส่งน้ำ ให้กับพื้นที่เพาะปลูก แหล่งน้ำดังกล่าวอาจเป็นแม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง และอ่างเก็บน้ำ ซึ่งจะต้องมีน้ำเพียงพอให้สูบไปใช้งานได้ ในเวลาที่ต้องการ
7.4 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ (หรือน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค)
1. แหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญคือ คลองสิงห์ ห้วยหัวช้าง ไหลผ่านหมู่ที่ 4 , 10 และ 11 ส่วนห้วยสามแสน ไหลผ่านหมู่ที่ 3 สำหรับใช้ในด้านการเกษตรกรรมแต่ไม่เพียงพอเนื่องจากลำคลองตื้นเขิน และเกิดปัญหาการรุกล้ำแนวคลองสำหรับน้ำบริโภค และมีอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง สระน้ำจำนวน 10 แห่ง
2. เทศบาตำบลร่วมจิต ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาแห่งใหม่ โดยใช้งบประมาณการก่อสร้างจำนวน 16,857,000 บาท เนื่องจากระบบเก่าก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2524 สร้างโดยงบประมาณของนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค และโอนให้สุขาภิบาลร่วมจิตดำเนินการเองเมื่อ พ.ศ. 2535 ซึ่งการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งระบบใหม่นี้เป็นระบบที่สามารถรองรับการเติบโตของตำบลร่วมใจในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันเทศบาลตำบลร่วมจิตมีจำนวนครัวเรือนประมาณ 1,068 ครัวเรือน แต่ระบบผลิตฯนี้รองรับการผลิตน้ำได้ประมาณ 2,000 ครัวเรือน
3. การประปาหมู่บ้าน มีจำนวน 2 แห่งคือหมู่ที่ 4 และ 11 ตำบลร่วมจิต
4. ระบบประปา(น้ำบาดาล)ขนาดใหญ่ จำนวน 8 แห่ง มีทุกชุมชนในเขตเทศบาลตำบลร่วมจิต
7.1 ข้อมูลพื้นฐานของหมู่บ้านหรือชุมชน
“เทศบาลตำบลร่วมจิต” เป็นตำบลใหม่ตั้งอยู่ในตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เดิมอำเภอท่าปลา ชื่อเดิมเรียกว่า “ทับป่า” ขึ้นอยู่กับจังหวัดน่าน ตามตำนานเคยมีสถานที่ริมแม่น้ำน่าน มีหินใสสีขาวเหมือนตาปลาอยู่ในน้ำลึก เชื่อว่าหินนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ในวันสงกรานต์จะทำพิธีบวงสรวงแล้วจึงนำหินไปสกัดและเรียกบริเวณนี้ว่า “บ่อแก้วตาปลา” ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น “แก้วท่าปลา” และหมู่บ้านนี้เรียกต่อมาว่า “บ้านท่าปลา” ซึ่งเป็นภาษาคำเมือง หมายถึง รอปลาขึ้นและจับปลานั่นเอง ในสมัยที่เจ้าเมืองน่านยังมีเจ้าเมืองเป็นผู้ครอบครองนครน่าน เมื่อประมาณร้อยปีเศษ โดยรวมแขวงศีรษะเกษกับแขวงท่าปลาเข้าด้วยกันเป็นเขตน่าน แต่เนื่องจากการติดต่อประสานระหว่างจังหวัดน่านกับอำเภอท่าปลาไม่สะดวก เพราะระยะทางไกลมาก
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2465 จึงแยกมาขึ้นกับจังหวัดอุตรดิตถ์ และเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2512 ได้ย้ายมาที่ว่าการอำเภอท่าปลา มาตั้งอยู่ในชุมชนอำเภอท่าปลาในปัจจุบันนี้ เนื่องจากที่ว่าการอำเภอเดิม และเมื่อปีพุทธศักราช 2513 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทาน ได้เปิดโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่านและก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ พื้นที่อำเภอบางส่วนกลายเป็นอ่างเก็บน้ำ ราษฎรก็ยินยอมและอพยพจากที่อยู่เดิมมายังที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน กรมประชาสงเคราะห์จัดสรรให้ ชาวอำเภอท่าปลาต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านที่อยู่เคยอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ต้องหอบลูกจูงหลานเหมือนกับบ้านแตกสาแหรกขาด ราวกับผู้ประสบภัยสงครามเกิดการผลัดพราก พ่อแม่อยู่ทางลูกอยู่ทาง จากเดิมที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้และสัตว์ป่า สัตว์น้ำ ผู้คนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ปัจจุบันดินแดนที่เป็นที่ตั้งของประชาชนในอำเภอท่าปลา ผืนดินส่วนใหญ่เป็นดินลูกรังมีความแห้งแล้ง ทำการเกษตรไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ชาวท่าปลาประสบกับความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส เพื่อให้คนอีกหลายแสนหลายล้านคนได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มีน้ำมีกระแสไฟฟ้าใช้ แต่ตนเองต้องลำบากตรากตรำทุกขเวทนากว่า 30 ปีแล้ว
ต่อมาชุมชนตำบลร่วมจิตบางส่วนมีความเจริญจึงได้ยกฐานะเป็น “สุขาภิบาลร่วมจิต” เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2526 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 100 ตอนที่ 197 ลงวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2526 และต่อมาได้มีพระราชบัญญัติ การเปลี่ยนแปลงฐานะจากสภาตำบล เป็น สุขาภิบาล และเป็นเทศบาลตำบล พ.ศ. 2542 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนที่ 9 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 เป็นผลให้สุขาภิบาลร่วมจิตได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็น “เทศบาลตำบลร่วมจิต” เมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา โดยกำหนดใช้ชื่อ และแนวเขตพื้นที่เดิมของสุขาภิบาลร่วมจิต
ปัจจุบันอำเภอท่าปลา เป็นอำเภอที่มีพื้นที่มากที่สุดของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ห่างจากจังหวัดอุตรดิตถ์ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นแหล่งอารยธรรมและอดีตดินแดนล้านนาตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบที่อยู่ระหว่างเนินเขาและภูเขา มีอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์อยู่ตอนกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภออยู่ในการดูแลของนิคมสร้างคนเองลำน้ำน่าน เขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า และเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชนน้อยมาก ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเล็กๆน้อยๆตามฤดูกาล และรับจ้างทั่วไปจึงมีรายได้ที่ไม่แน่นอนในการดำรงชีพ ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างฝืดเคืองและมีความลำบากอยู่มาก
เทศบาลตำบลร่วมจิต อยู่ห่างจากตัวจังหวัดเป็นระยะทาง 29 กิโลเมตร มีพื้นที่รวมทั้งหมด 9.22 ตารางกิโลเมตร ตำบลร่วมจิตมีอาณาเขตติดต่อดังนี้
ด้านเหนือ ตั้งแต่หลักเขตที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 20 ทางทิศตะวันตก ระยะ 100 เมตร และห่างจากศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 30 ทางทิศเหนือระยะ 500 เมตร เป็นเส้นขนานระยะ 500 เมตร กับศูนย์กลางทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1163 แยกทางหลวงจังหวัด หมายเลข 1045 ทางทิศตะวันออก ระยะ 1,000 เมตร (ติดต่อเขต อบต. ร่วมจิต อำเภอท่าปลา)
ด้านตะวันออก จากหลักเขตที่ 2 เป็นเส้นตรงไปทางทิศใต้ ถึงหลักเขตที่ 3 ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1045 อุตรดิตถ์ - เขื่อนสิริกิติ์ ฟากใต้ ตรงหลัก กม. 30.300 (ติดต่อตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา)
ด้านใต้ จากหลักเขตที่ 3 เลียบเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ กับอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ไปทางทิศตะวันตก ถึงหลักเขตที่ 4 ซึ่งตั้งอยู่ตรงเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ กับอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ และห่างจากศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 20 ทางทิศตะวันตก ระยะ 100 เมตร (ติดต่อตำบลหาดงิ้ว อำเภอเมือง)
ด้านตะวันตก จากหลักเขตที่ 4 เป็นเส้นขนาน ระยะ 100 เมตร กับศูนย์กลางถนนเข้าหมู่บ้านผัง 20 ไปทางทิศเหนือ ไปบรรจบกับหลักเขตที่ 1 (ติดต่อตำบลหาดงิ้ว อำเภอเมือง)
7.2 ข้อมูลด้านการเกษตร
อาชีพของชาวตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลาส่วนใหญ่ คือ การทำไร่ทำนา ทำสวนมะม่วงหิมพานต์ และปลูกพืชตามฤดูกาล เช่น ข้าวโพด ถั่ว เป็นต้น
7.3 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำทางการเกษตร
การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรตำบลร่วมจิต มีการก่อสร้างกันทั่วไปมีหลายประเภท ได้แก่ สร้างสระเก็บน้ำงานขุดลอกหนองและบึง และงานสูบน้ำสำหรับทำการเกษตร โดยมีรายละเอียดงานแต่ละประเภท ดังนี้
สร้างสระเก็บน้ำคือ แหล่งเก็บขังน้ำฝน น้ำท่า หรือน้ำที่ไหลออกมาจากดินด้วยการขุดดินให้เป็นสระสำหรับเก็บขังน้ำ โดยมีขนาดความยาว ความกว้าง และความลึกของสระ ตามจำนวนน้ำที่ต้องการจะเก็บไว้ใช้งาน
ขุดลอกหนองและบึงเป็นงานขุดลอกดินในหนองและบึงธรรมชาติที่ตื้นเขิน ให้มีความลึกจนสามารถเก็บน้ำได้เพิ่มมากขึ้น
สูบน้ำสามารถส่งน้ำต่อไปตามคลองส่งน้ำ ให้กับพื้นที่เพาะปลูก แหล่งน้ำดังกล่าวอาจเป็นแม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง และอ่างเก็บน้ำ ซึ่งจะต้องมีน้ำเพียงพอให้สูบไปใช้งานได้ ในเวลาที่ต้องการ
7.4 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ (หรือน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค)
1. แหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญคือ คลองสิงห์ ห้วยหัวช้าง ไหลผ่านหมู่ที่ 4 , 10 และ 11 ส่วนห้วยสามแสน ไหลผ่านหมู่ที่ 3 สำหรับใช้ในด้านการเกษตรกรรมแต่ไม่เพียงพอเนื่องจากลำคลองตื้นเขิน และเกิดปัญหาการรุกล้ำแนวคลองสำหรับน้ำบริโภค และมีอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง สระน้ำจำนวน 10 แห่ง
2. เทศบาตำบลร่วมจิต ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาแห่งใหม่ โดยใช้งบประมาณการก่อสร้างจำนวน 16,857,000 บาท เนื่องจากระบบเก่าก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2524 สร้างโดยงบประมาณของนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค และโอนให้สุขาภิบาลร่วมจิตดำเนินการเองเมื่อ พ.ศ. 2535 ซึ่งการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งระบบใหม่นี้เป็นระบบที่สามารถรองรับการเติบโตของตำบลร่วมใจในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันเทศบาลตำบลร่วมจิตมีจำนวนครัวเรือนประมาณ 1,068 ครัวเรือน แต่ระบบผลิตฯนี้รองรับการผลิตน้ำได้ประมาณ 2,000 ครัวเรือน
3. การประปาหมู่บ้าน มีจำนวน 2 แห่งคือหมู่ที่ 4 และ 11 ตำบลร่วมจิต
4. ระบบประปา(น้ำบาดาล)ขนาดใหญ่ จำนวน 8 แห่ง มีทุกชุมชนในเขตเทศบาลตำบลร่วมจิต